
▣ หลีกเลี่ยงการสัมผัส กด หรือกระตุ้นบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ เนื่องจากอาจทำให้รูปทรงเปลี่ยนแปลง หรือเกิดการเคลื่อนของฟิลเลอร์ได้
▣ หากฉีดฟิลเลอร์บริเวณริมฝีปาก แนะนำให้หลีกเลี่ยงการใช้หลอดดูด เพื่อป้องกันการกดทับหรือเคลื่อนไหวเกินความจำเป็น
▣ หากฉีดฟิลเลอร์บริเวณหน้าผาก อาจมีอาการชาบริเวณหนังศีรษะชั่วคราว ซึ่งโดยทั่วไปจะฟื้นตัวกลับมาได้เองภายในระยะเวลาหนึ่ง
▣ กรุณารับประทานยาปฏิชีวนะตามที่แพทย์สั่ง วันละ 3 ครั้ง (เช้า กลางวัน เย็น) ติดต่อกัน 3 วัน เพื่อป้องกันการติดเชื้อ
▣ หากฉีดฟิลเลอร์บริเวณจมูก ควรงดการใส่แว่นตาหรือแว่นกันแดดช่วงแรกหลังทำ เพื่อป้องกันแรงกดทับที่อาจทำให้ฟิลเลอร์เคลื่อนตัว
▣ หากมีการติดเทปฟื้นฟูผิวบริเวณที่ฉีด ควรปล่อยให้ติดอยู่ประมาณ 1 วันแล้วจึงค่อยลอกออก
▣ ควรหลีกเลี่ยงการประคบเย็น และงดนวดบริเวณที่ทำหัตถการอย่างน้อย 1–2 สัปดาห์หลังทำ
▣ หากมีอาการผิดปกติ เช่น รอยฟกช้ำรุนแรง ปวด บวม แดง หรือมีไข้บริเวณที่ฉีด ควรติดต่อโรงพยาบาลทันทีเพื่อรับการดูแลโดยเร็ว
▣ หากต้องการปรับแต่งเพิ่มเติมในภายหลัง อาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมตามที่กำหนด
[อินโหมด · โอลิจิโอ]
▣ ผลลัพธ์ของการรักษาจะเริ่มเห็นผลตั้งแต่หลังทำไปจนถึงประมาณ 1 สัปดาห์ ทั้งนี้ ระยะเวลาและผลลัพธ์อาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล
▣ เพื่อผลลัพธ์ที่ยั่งยืน แนะนำให้รับการรักษาต่อเนื่อง 3–5 ครั้ง โดยเว้นระยะห่างตามที่แพทย์แนะนำ เพื่อให้ได้ผลในระดับกึ่งถาวร
▣ ความอุ่นในผิวเป็นสิ่งสำคัญหลังทำหัตถการ ควรล้างหน้าด้วยน้ำอุณหภูมิอุ่น หลีกเลี่ยงน้ำเย็นหรือเย็นจัด
▣ สามารถล้างหน้า แต่งหน้าเบา ๆ และนวดผิวหน้าเบา ๆ ได้ แต่อย่างไรก็ตาม ควรหลีกเลี่ยงการขัดผิวหรือใช้ผลิตภัณฑ์ผลัดเซลล์ผิวในช่วงแรก
▣ ควรใช้ครีมบำรุงเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น และอย่าลืมทาครีมกันแดดเมื่อต้องออกนอกบ้าน
▣ ควรรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ โดยเฉพาะน้ำและโปรตีน เพื่อช่วยสนับสนุนกระบวนการฟื้นฟูและเสริมสร้างผิว
▣ หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ การเข้าซาวน่า อบไอน้ำ และการออกกำลังกายอย่างหนักเป็นเวลา 1 สัปดาห์
▣ อาจมีอาการแดง ร้อนผิว หรือรู้สึกเจ็บเล็กน้อยภายในช่วง 1 สัปดาห์หลังทำ ซึ่งเป็นปฏิกิริยาปกติของร่างกายและจะค่อย ๆ ดีขึ้น
[Air Jet]
▣ อาจมีเลือดออกเล็กน้อยทันทีหลังทำ ซึ่งเป็นอาการปกติและจะหยุดเองในเวลาอันสั้น
▣ อาจมีอาการบวมและปวดบริเวณที่ทำหัตถการภายใน 1–2 วัน เป็นภาวะที่เกิดขึ้นได้ทั่วไปและจะค่อย ๆ ดีขึ้น
▣ ควรงดการสระผมในวันทำหัตถการ สามารถสระได้ในวันถัดไป โดยควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสบริเวณที่ทำอย่างระมัดระวัง
▣ อาจมีรอยช้ำหรือบวมเล็กน้อยบริเวณที่ฉีด
▣ ห้ามถูแรงหรือกระตุ้นบริเวณที่ทำหัตถการโดยเด็ดขาด
▣ อาจมีสะเก็ดเล็ก ๆ เกิดขึ้น และในบางรายอาจเกิดภาวะผิวคล้ำ (Hyperpigmentation) ควรปล่อยให้สะเก็ดหลุดออกเองตามธรรมชาติ
▣ เพื่อลดความเสี่ยงของการเกิดรอยดำ ควรทาครีมกันแดดบริเวณที่ทำหัตถการอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะเมื่อต้องออกแดด
▣ ควรหลีกเลี่ยงการทำเคมีผม เช่น การดัดหรือการย้อมผม เป็นเวลาอย่างน้อย 2 สัปดาห์หลังทำ
▣ หากมีอาการปวดศีรษะอย่างรุนแรง สามารถรับประทานยาแก้ปวดที่มีส่วนผสมของพาราเซตามอล เช่น ไทลินอล (Tylenol)
▣ แนะนำให้งดดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่เป็นเวลาอย่างน้อย 1 เดือน เพื่อให้ผิวฟื้นตัวได้อย่างเต็มที่และลดความเสี่ยงของการอักเสบ
▣ กรุณาติดเทปฟื้นฟูผิวบริเวณจมูกที่ทางคลินิกแปะไว้ให้อย่างน้อย 2–3 วัน เพื่อช่วยคงรูปทรงและป้องกันการเคลื่อนของไหม
▣ หลีกเลี่ยงการสัมผัสหรือถูบริเวณปลายจมูก รวมถึงการขยับจมูกขึ้น-ลง หรือแสดงสีหน้าที่ใช้แรงมาก เช่น หัวเราะหรือย่นจมูก
▣ ควรหลีกเลี่ยงการอ้าปากกว้าง หรือการดึงบริเวณเหนือริมฝีปากบน (ร่องใต้จมูก) เพื่อป้องกันการรบกวนแนวไหมที่อยู่บริเวณจมูก
▣ อาจรู้สึกเจ็บหรือมีความรู้สึกแปลก ๆ บริเวณจมูกหลังทำ อาการเหล่านี้เป็นปกติและจะค่อย ๆ ลดลงเมื่อเวลาผ่านไป
▣ หากมีไหมโผล่ออกมาบริเวณปลายจมูก กรุณารีบมาติดต่อคลินิกหรือโรงพยาบาลเพื่อรับการดูแลอย่างเหมาะสม
▣ หากต้องการปรับแต่งเพิ่มเติม อาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมตามลักษณะของการรักษา
▣ หลังทำ อาจมีอาการแดง รอยเข็ม บวม ช้ำ หรือผิวไม่เรียบเนียนเล็กน้อย อาการเหล่านี้เป็นปกติและมักจะหายไปภายใน 3–7 วัน
▣ หลีกเลี่ยงแสงแดดจัดและรังสียูวีจนกว่าอาการบวมและรอยแดงจะทุเลา และควรทาครีมกันแดดทุกครั้งเมื่อต้องออกนอกบ้าน
▣ สามารถล้างหน้าและแต่งหน้าได้หลังทำ 4 ชั่วโมง แต่ควรหลีกเลี่ยงการขัดผิว ออกกำลังกายหนัก เข้าซาวน่า หรืออบไอน้ำเป็นเวลาอย่างน้อย 1 สัปดาห์
▣ ควรงดการดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่เป็นเวลา 1–2 สัปดาห์ เพื่อส่งเสริมการฟื้นตัวของผิวและลดความเสี่ยงต่อการอักเสบ
▣ หลีกเลี่ยงการสัมผัสหรือถูแรงบริเวณที่ทำหัตถการ เพื่อไม่ให้ผิวระคายเคืองหรือเกิดการอักเสบ
▣ อาจมีอาการร้อนผิว รอยแดง หรือรอยฟกช้ำ โดยทั่วไปจะหายภายใน 2–3 วัน แต่ในบางรายอาจคงอยู่ได้นานถึง 2 สัปดาห์ ก่อนจะค่อย ๆ จางลงเองตามธรรมชาติ
▣ อาการบวม ปวดตึง หรือรู้สึกเมื่อยบริเวณแนวกราม รวมถึงอาการปวดศีรษะเล็กน้อย อาจเกิดขึ้นได้และเป็นอาการปกติที่สามารถคงอยู่ได้ 2–3 สัปดาห์ ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล
▣ ในบางกรณีอาจมีอาการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อใบหน้าไม่สมดุลหรือปากเบี้ยวชั่วคราว แต่ไม่ใช่อาการถาวร โดยมักจะดีขึ้นภายใน 1–3 เดือน
▣ อาจมีลักษณะผิวดูยุบลงบางจุดในช่วงแรก จากการหดตัวของเนื้อเยื่อใต้ผิวหนัง ซึ่งเป็นปฏิกิริชาธรรมชาติ และจะค่อย ๆ ฟื้นตัวภายใน 1–3 เดือน
▣ ผลลัพธ์จากการทำ Ulthera จะค่อย ๆ ปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจนภายใน 1 เดือนหลังทำ
▣ ผิวอาจแห้งหรือลอกเป็นขุยบาง ๆ ได้ แนะนำให้หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ผลัดเซลล์ผิว และปล่อยให้ขุยหลุดลอกออกเองตามธรรมชาติ
▣ ควรงดกิจกรรมที่กระตุ้นการผลัดเซลล์หรือกระตุ้นผิว เช่น การออกกำลังกายหนัก เข้าซาวน่า อบไอน้ำ การนวด หรือการทำทรีตเมนต์ผิวต่าง ๆ อย่างน้อย 1 สัปดาห์
▣ ในช่วง 1 สัปดาห์แรก แนะนำให้แต่งหน้าด้วยผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนต่อผิว และหมั่นทาครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอเมื่อต้องออกนอกบ้าน
▣ ล้างหน้าด้วยน้ำอุณหภูมิอุ่นหรือน้ำอุณหภูมิห้องเท่านั้น เพื่อหลีกเลี่ยงการกระตุ้นผิวที่บอบบางหลังทำ
▣ เนื่องจากผิวอาจไวต่อการระคายเคืองมากกว่าปกติ จึงควรบำรุงผิวด้วยครีมเพิ่มความชุ่มชื้นและครีมฟื้นฟูผิวอย่างสม่ำเสมอ พร้อมหลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นที่ไม่จำเป็น
▣ แนะนำให้หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่เป็นเวลาอย่างน้อย 1 เดือนหลังทำ เพื่อเสริมกระบวนการฟื้นฟูของผิวให้มีประสิทธิภาพสูงสุด
▣ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์สูงสุด แนะนำให้ทำหัตถการ จำนวน 3 ครั้ง โดยเว้นระยะห่างครั้งละ 1 เดือน
▣ หลังทำ อาจมีอาการแดง รอยเข็ม รอยฟกช้ำ บวม หรือผิวไม่เรียบเนียนเล็กน้อย ซึ่งเป็นอาการปกติและจะค่อย ๆ หายไปภายใน 3–7 วัน
▣ กรุณานวดเบา ๆ บริเวณที่ฉีดด้วยนิ้วมือหรือฝ่ามือ โดยนวดวันละ 3 ครั้ง ครั้งละประมาณ 3 นาที ต่อเนื่องกัน 3 วัน เพื่อช่วยให้เนื้อเจลกระจายตัวสม่ำเสมอ
▣ หลีกเลี่ยงการโดนแสงแดดจัดหรือรังสียูวีโดยตรงจนกว่าอาการบวมและรอยแดงจะลดลง หมั่นทาครีมกันแดดเมื่อออกจากบ้าน
▣ สามารถล้างหน้าและแต่งหน้าได้หลังทำประมาณ 4 ชั่วโมง แต่ควรหลีกเลี่ยงการขัดผิว ออกกำลังกายหนัก เข้าซาวน่า หรืออบไอน้ำเป็นเวลา 1 สัปดาห์
▣ ควรงดดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่เป็นเวลา 1–2 สัปดาห์หลังทำ เพื่อส่งเสริมการฟื้นฟูของผิวและป้องกันภาวะแทรกซ้อน
▣ อาจมีอาการร้อนผิวหรือรอยแดงหลังทำทันที ซึ่งเป็นอาการปกติและมักจะหายภายใน 1 วัน
▣ ควรรักษาความอุ่นบริเวณที่ทำหัตถการไว้ หลีกเลี่ยงการใช้แผ่นประคบเย็นหรือผลิตภัณฑ์ที่ให้ความเย็นในช่วงแรกหลังทำ
▣ ล้างหน้าด้วยน้ำอุณหภูมิอุ่น และอย่าลืมทาครีมกันแดดเมื่อต้องออกนอกบ้าน เพื่อปกป้องผิวที่ยังบอบบางจากรังสี UV
▣ ควรงดดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่อย่างน้อย 1 สัปดาห์ เพื่อส่งเสริมการฟื้นฟูของผิวและลดความเสี่ยงต่อการอักเสบ
▣ หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนัก เข้าซาวน่า หรืออบไอน้ำเป็นเวลาอย่างน้อย 1 สัปดาห์
▣ ผิวอาจมีความไวต่อการระคายเคืองมากกว่าปกติในช่วงหลังทำ แนะนำให้ใช้ครีมบำรุงหรือครีมฟื้นฟูผิวอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้ผิวชุ่มชื้นและแข็งแรงขึ้น
▣ หากเป็นการทำครั้งแรก แนะนำให้รับการรักษาทั้งหมด 3 ครั้ง โดยเว้นระยะห่างครั้งละ 1 เดือน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนและยาวนานยิ่งขึ้น
▣ อาการแดงที่ผิวมักจะลดลงภายในประมาณ 6 ชั่วโมง แต่อาจมีอาการบวมและรอยแดงอยู่ได้นาน 1–2 วัน ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล
▣ หลีกเลี่ยงการล้างหน้าภายในวันเดียวกับวันที่ทำเลเซอร์ สามารถแต่งหน้าเบา ๆ ได้เมื่อรอยแดงเริ่มลดลงแล้ว
▣ ควรหลีกเลี่ยงการใช้น้ำร้อนล้างหน้า และไม่ควรขัดหรือถูผิวหน้าแรง ๆ ขณะล้างหน้า เพื่อป้องกันการระคายเคืองต่อผิวที่บอบบาง
▣ หลีกเลี่ยงการเข้าซาวน่า อบไอน้ำ อาบน้ำร้อน หรือว่ายน้ำ เป็นเวลา 3–4 วันหลังทำ
▣ ควรให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวอย่างสม่ำเสมอ และหมั่นทาครีมกันแดดเมื่อต้องออกจากบ้าน เพื่อช่วยปลอบประโลมผิวและป้องกันการระคายเคืองจากแสงแดด
▣ หากมีสะเก็ดเล็ก ๆ เกิดขึ้นหลังทำเลเซอร์ ห้ามแกะหรือลอกออกเอง ควรปล่อยให้หลุดลอกออกตามธรรมชาติ
▣ สามารถล้างหน้าและใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติตั้งแต่วันแรกหลังทำ ไม่จำเป็นต้องหยุดกิจกรรมทั่วไป
▣ ควรทาครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอเมื่อต้องออกนอกบ้าน เพื่อปกป้องผิวจากรังสี UV ซึ่งอาจกระตุ้นให้เกิดฝ้า กระ หรือผิวหมองคล้ำซ้ำได้
▣ หลีกเลี่ยงการเข้าซาวน่า อบไอน้ำ ออกกำลังกายหนัก และกิจกรรมที่ทำให้ร่างกายร้อนจัด เป็นเวลาอย่างน้อย 1 สัปดาห์
▣ เนื่องจากผิวอาจไวต่อการระคายเคืองหลังทำเลเซอร์ ควรทาครีมบำรุงผิวหรือครีมฟื้นฟูอย่างเพียงพอ เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นและช่วยให้ผิวฟื้นตัวเร็วขึ้น
▣ หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีฤทธิ์รุนแรง เช่น สครับหรือเครื่องสำอางที่มีส่วนผสมกระตุ้นผิว ในช่วงระยะเวลาหนึ่งหลังทำ
▣ ภายใน 3 วันหลังทำ ควรหลีกเลี่ยงการนวดหนังศีรษะหรือการเกา เพื่อป้องกันการระคายเคืองและช่วยให้ตัวยาออกฤทธิ์ได้เต็มที่
▣ หลีกเลี่ยงการทำสีผมหรือดัดผมเป็นเวลาอย่างน้อย 1 เดือนหลังทำ และควรงดทำเคมีทุกประเภทตลอดระยะเวลาที่เข้ารับการฉีดอย่างต่อเนื่อง
▣ ไม่ควรสระผมในวันทำหัตถการ เพื่อป้องกันการระคายเคืองหรือการปนเปื้อนบริเวณที่ฉีด
▣ สามารถสระผมได้ตั้งแต่วันถัดไปหลังทำ โดยควรใช้แชมพูสูตรอ่อนโยน และหลีกเลี่ยงการขยี้หนังศีรษะแรง ๆ
▣ อาจมีอาการคัน ผื่นแดง หรือระคายเคืองเล็กน้อยหลังทำ ซึ่งเป็นอาการชั่วคราว ไม่ควรเกาหรือสัมผัสบริเวณดังกล่าว เพื่อป้องกันการอักเสบ
▣ หญิงตั้งครรภ์หรือวางแผนจะตั้งครรภ์ ควรหลีกเลี่ยงการใช้ยา Minoxidil หากอยู่ในช่วงที่มีโอกาสตั้งครรภ์ ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนใช้ยา
▣ ควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนัก เข้าซาวน่า หรืออบไอน้ำเป็นเวลาอย่างน้อย 1 สัปดาห์หลังทำ